สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในหนังสือ สำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งตอบข้อหารือผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีกรณีดังกล่าว ระบุว่า ตามที่จังหวัดราชบุรี มีหนังสือขอหารือข้อกฎหมายกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้มีคำสั่งประทับฟ้องนายวิวัฒน์ นายก อบจ.ราชบุรี ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542(พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 11 , 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 โดยขณะกระทำความผิด นายวิวัฒน์ ไม่ได้เป็นผู้บริหารท้องถิ่น ไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หรือไม่ อย่างไร
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะกระทำความผิดนายวิวัฒน์ ไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การเข้าดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ราชบุรี ซึ่งมีสถานะเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เป็นการเข้ารับตำแหน่งภายหลังจากการกระทำความผิดที่เป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด และศาลได้มีคำสั่งประทับฟ้องไว้ ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติตามมาตรา 93 วรรคสอง ประกอบมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว มาใช้บังคับนายวิวัฒน์ได้
นายวิวัฒน์ จึงไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 93 วรรคสอง ประกอบมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยนำเสนอข่าวไปแล้วว่า นายภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความ /กลุ่ม "คนรุ่นใหม่ประชาธิปไตยบริสุทธิ์" ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อ นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า นายวิวัฒน์ ตกเป็นจำเลยที่ 9 ในคดีเดี่ยวกับ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ภรรยา สส.ราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2567 หลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 คดีกล่าวหาทุจริตในการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามโครงการแทรกแซงตลาด มันสำปะหลังปี 2551/2552 ครั้งที่ 9 เพื่อใช้ภายในประเทศ จึงขอให้ นายอนุทิน ชาญวีระกูล ตรวจสอบข้อเท็จจริง และอาจนำไปสู่การสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ขณะที่คดีกล่าวหาทุจริตในการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังดังกล่าว สำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ระบุว่า เอกชนที่ผู้ชนะการเสนอราคามันสำปะหลัง ในสต็อกรัฐบาล 3 ราย คือ 1. บริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด โดยนางกัลยา ศิริพลวุฒิกุล กรรมการผู้มีอำนาจ จำนวน 7 คลัง 2. ไพรสะเดาฟาร์ม โดยนายอริยนัทธ์ รังสีเสริมสุข จำนวน 2 คลัง และ 3. หนองลังกาฟาร์ม โดยนางเสาวลักษณ์ เย็นใส จำนวน 5 คลัง มีผลประโยชน์ร่วมกันและเกี่ยวข้องทางเครือญาติหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ที่ปรึกษานางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ในการจำหน่ายมันฯ ให้แก่ บริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด ตั๋วแลกเงินที่ใช้เป็นหลักประกันสัญญาเป็นตั๋วแลกเงินที่ซื้อโดยบริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด ที่มีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา และสามี คือ นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา เป็นเจ้าของ อีกทั้งการชำระเงินค่ามันสำปะหลังก็เป็นการดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทของนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิดยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
ข้อมูลข่าวโดย สำนักข่าวอิศรา |