ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้เข้าไปให้ปากคำต่อตำรวจไซเบอร์ อ้างว่า ตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบแล้ว แจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารที่ไม่ติดตั้งระบบป้องกันการแฮก จึงแนะนำให้ฟ้องแพ่งธนาคาร แต่ไม่ยืนยันว่าจะได้เงินคืนครบ แต่อาจได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น เพราะเงินไหลออกไปต่างประเทศแล้ว จะคาดหวังให้ตำรวจนำเงินทั้งหมดกลับคืนมาให้คงไม่ได้ พร้อมได้ยึดโทรศัพท์ไว้เพื่อให้กองพิสูจน์หลักฐานกู้หลักฐานใช้ฟ้องแพ่งกับทางธนาคาร
เบื้องต้น ทนายนพ ยังกล่าวอีกว่า ขณะตอนนี้ไม่มีเงินจะใช้ฟ้องแพ่ง แค่เงินกินข้าวในแต่ละวันยังไม่มีเลย เพราะเงินที่คนใจบุญเคยบริจาคช่วยเหลือมารวม 8,000 บาทหมดแล้ว ส่วนเงินที่ธนาคารเยียวยามาเบื้องต้น 30,000 บาท มองว่าหากรับไว้คงใช้ดำรงชีพได้เพียงไม่กี่วัน จึงตั้งใจจะโอนคืนให้ธนาคาร
นอกจากนี้ ทนายนพ ยังเรียกร้องให้ผู้จัดการธนาคารออกมารับหนังสือแถลงการณ์ พร้อมต้องให้คำตอบทันที ว่า จะคืนเงินทั้งหมดให้หรือไม่ แต่ไม่มีใครออกมาพบ จึงเอาหนังสือวางใว้ที่ประตูทางเข้า เมื่อไม่ออกมาพูดคุย หากไม่คืน ยืนยันจะจัดการตัวเองที่หน้าธนาคาร เพื่อให้ธนาคารได้รับผลกระทบ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องพยายามเข้ามาเกลี้ยกล่อม และพูดคุยให้ทนายนพ ใจเย็นลงและกลับไปรอคำตอบจากทางธนาคารที่บ้าน แต่ทนายนพ ไม่ยินยอม ตำรวจจึงขอค้นอาวุธ พบเพียงยารักษาโรคเท่านั้น
ทั้งนี้ ทนายนพ ได้ยืนรอและพูดคุยกับตำรวจที่มาช่วยไกล่เกลี่ยเกือบ 1 ชม. แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารออกมารับหนังสือหรือพูดคุยเจรจากับทนายนพ แต่อย่างใด ทนายนพ จึงทำทีท่ายอมกลับบ้านเดินข้ามถนน และไม่ยอมให้ตำรวจตามประกบตัว เมื่อเดินถึงเกาะกลางถนนหยิบไขควงเย็บกระสอบที่แอบซ่อนไว้ในข้างรองเท้า แทงเข้าที่แขนของตัวเองทะลุจนได้รับบาดเจ็บเลือดไหลจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลในเบื้องต้น พร้อมทั้งเรียกรถโรงพยาบาลราชบุรีเข้ามาทำการช่วยเหลือ มีเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามาช่วยทำแผลและนำตัวขึ้นรถเพื่อส่งโรงพยาบาลรำษาบาดแผลต่อไป
ภาพและข่าวโดย |